![การปฏิวัติของชาวมัวร์ในสเปน; การยึดครองคาบสมุทรไอบีเรีย และการกำเนิดของอารยธรรมอิสลามในยุโรป](https://www.spanndecken-simplex.de/images_pics/moorish-revolution-in-spain-conquest-of-the-iberian-peninsula-and-the-birth-of-islamic-civilization-in-europe.jpg)
การปฏิวัติของชาวมัวร์ในสเปนเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ยุโรปที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อภูมิภาคนี้ การรุกรานของชาวมัวร์ในศตวรรษที่ 8 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างมีนัยสำคัญในคาบสมุทรไอบีเรีย
เบื้องหลังของการปฏิวัติ: สถานการณ์ในยุโรปและแอฟริกาเหนือ
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 ยุโรปตะวันตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มั่นคงหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก อาณาจักรต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ยังคงต่อสู้กันเพื่ออำนาจและความเหนือกว่า ชาว Frank ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่มีอำนาจในยุโรปตะวันตกในขณะนั้น กำลังเผชิญกับปัญหาภายใน เช่น การแบ่งแยกดินแดน และการขัดแย้งทางศาสนา
ในขณะเดียวกัน ในแอฟริกาเหนือ จักรวรรดิอุมมัยยะที่ปกครองโดยชาวมัวร์ (Berbers) ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การพิชิตดินแดนของจักรวรรดิอุมมัยยะไปถึงอียิปต์ มอร็อคโค และคาบสมุทรไอบีเรีย
การมาถึงของชาวมัวร์: สงครามและการยึดครองคาบสมุทรไอบีเรีย
ในปี ค.ศ. 711 ชาวมัวร์ภายใต้การนำของ ทาริค อิบน ซียัด (Tariq ibn Ziyad) ข้ามช่องแคบกิบรaltar และลงจอดที่อ่าว Algeciras ในสเปน เตรียมตัวสำหรับการรุกรานคาบสมุทรไอบีเรีย
กองทัพของชาวมัวร์ซึ่งประกอบด้วยนักรบ Berbers, Arabs และConversions to Islam ได้เอาชนะกษัตริย์วิศิก (Visigoths) ในยุทธการที่แม่น้ำ Guadalquivir และยึดครองเมือง Toledo ภายในเวลาไม่ถึงสองปี ชาวมัวร์สามารถยึดครองเกือบทั้งคาบสมุทรไอบีเรีย ยกเว้นอาณาบริเวณทางตอนเหนือ
ผลของการยึดครอง: การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
การยึดครองของชาวมัวร์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมากในคาบสมุทรไอบีเรีย :
- การรวมตัวของประชาชน: ชาวมัวร์ได้สร้างความสามัคคีระหว่างชาวKristen, Jew และชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรไอบีเรีย
- การรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ: การค้าขายเจริญรุ่งเรืองขึ้นจากการควบคุมเส้นทางการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ระบบ | ก่อนการยึดครอง | หลังการยึดครอง |
---|---|---|
ศาสนา | Kristen เป็นศาสนาหลัก | ความหลากหลายทางศาสนา (Kristen, Jew, อิสลาม) |
เศรษฐกิจ | เกษตรกรรมเป็นหลัก | การค้าขายเจริญรุ่งเรือง |
- การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม: ชาวมัวร์นำเข้าความรู้จากโลกอิสลาม และสร้างศูนย์กลางการศึกษาและวิจัยที่สำคัญ เช่น Córdoba และToledo
ความขัดแย้งและการสิ้นสุดของอำนาจชาวมัวร์
แม้ว่าชาวมัวร์จะครองอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเป็นเวลานาน แต่ก็เผชิญกับความท้าทายจากอาณาจักร Kristen ทางตอนเหนือ
การศึกสงครามระหว่างชาว Kristen และชาวมัวร์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษ การสถาปนาอาณาจักร Castille และ Aragon มีบทบาทสำคัญในการขับไล่ชาวมัวร์ออกจากคาบสมุทรไอบีเรีย
ในปี ค.ศ. 1492 กองทัพของ Fernando II แห่ง Aragon และ Isabel I แห่ง Castile ยึดครองเมือง Granada เมืองสุดท้ายที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมัวร์ นับเป็นการสิ้นสุดของยุค Al-Andalus
มรณกรรมของอารยธรรมอิสลาม: การทิ้งร่องรอยไว้ในคาบสมุทรไอบีเรีย
แม้ว่าชาวมัวร์จะถูกขับไล่จากคาบสมุทรไอบีเรีย แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สำคัญเอาไว้
-
สถาปัตยกรรม: มัสยิด Alhambra ใน Granada และ Mezquita (มัสยิด-โบสถ์) ใน Córdoba เป็นตัวอย่างของความงามอันล้ำค่าในศิลปะอิสลาม
-
ภาษา: ภาษาทะเบียนสเปนสมัยใหม่มีรากศัพท์จากภาษาอาหรับจำนวนมาก
-
วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์: ชาวมัวร์ได้นำเข้าความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์จากโลกอิสลาม และส่งเสริมการศึกษาในคาบสมุทรไอบีเรีย
การปฏิวัติของชาวมัวร์ในสเปนเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ยุโรป การยึดครองคาบสมุทรไอบีเรียเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมKristen, Jew และอิสลาม
ในที่สุด ชาวมัวร์ถูกขับไล่ แต่ก็ทิ้งมรณกรรมทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สำคัญเอาไว้ในคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมอิสลามในยุโรป